วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การคุมกำเนิดที่เหมาะสมในวัยรุ่น

การคุมกำเนิดที่เหมาะสมในวัยรุ่น

            วิธีคุมกำเนิดในปัจจุบันแต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อจำกัดแตกต่างกันไป ยังไม่มีวิธีหนึ่งวิธีใดที่สามารถใช้ได้กับทุกสภาวะ จึงต้องพิจารณาเปรียบเทียบประโยชน์กับความเสี่ยงของวิธีดังกล่าว วิธีในอุดมคติสำหรับการคุมกำเนิดในวัยรุ่นควรมีคุณสมบัติคือปลอดภัย ราคาไม่แพง สามารถมีบุตรได้เมื่อเลิกใช้ และปราศจากผลข้างเคียง ในบทความนี้จะกล่าวถึงความหมาย ชนิดของการคุมกำเนิด วิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว ข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี
ความหมายของการคุมกำเนิด คือ การป้องกันการปฏิสนธิ เพื่อกำหนดจำนวน และระยะการมีบุตรให้เหมาะสมกับฐานะครอบครัวและเศรษฐกิจ

วิธีการคุมกำเนิด  อาจแบ่งออกเป็นวิธีใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

1.การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว เป็นการคุมกำเนิดเพื่อเว้นระยะเวลาการมีบุตร เมื่อเลิกใช้แล้วสามารถมีบุตรได้อีกเช่น  ถุงยางอนามัย ห่วงอนามัย ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด และยาฮอร์โมนฝังคุมกำเนิด เป็นต้น
2.การคุมกำเนิดแบบถาวร เป็นการคุมกำเนิดอย่างถาวร เช่น การทำหมันหญิง หรือ การทำหมันชาย  ยาคุมกำเนิดที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
3.ประสิทธิภาพดี คุมกำเนิดได้แน่นอน
4.สะดวกในการใช้
5.มีราคาเหมาะสม
6.ไม่มีอาการข้างเคียง แม้จะใช้นานหลาย ๆ ปี
7.ไม่มีฤทธิ์ตกค้างเมื่อหยุดใช้ยา
8.มีรอบระดูที่แน่นอน

ยาเม็ดคุมกำเนิด

1. ยาคุมกำเนิดรวม 
            ยาแต่ละเม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนเพศหญิงชนิดสังเคราะห์ 2 ชนิด ทั้งหมดใน 1 ชุดจะมี 21 เม็ด สำหรับชุดที่มี 28 เม็ดนั้น 7 เม็ดหลังจะเป็นวิตามินหรือธาตุเหล็ก การรับประทานจะเริ่มรับประทานในวันที่ 1-5 ของรอบเดือน (หลังจากมีประจำเดือน) ไปจนถึงวันที่ 24 หรือ 25 ของรอบเดือน

ข้อแนะนำสตรีที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด 
- เวลากินยาที่เหมาะสมคือ หลังอาหารเย็น ซึ่งการดูดซึมจะเข้า หากมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น คลื่นไส้ ก็ควรเกิดระหว่างผู้ป่วยหลับแล้ว และหากลืมกินยาจะมีเวลาพอนึกได้ก่อนเวลานอน 
- กินยาควรกินเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับ Hormone สม่ำเสมอ ลดโอกาสที่จะเกิดเลือดออกกระปิดกระปรอยทางช่องคลอด 
- เมื่อลืมกินยาให้รีบกินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ แต่ถ้าหากนึกได้เมื่อจะถึงเวลากินยาเม็ดต่อไปแล้ว จะกินยาเพียงเม็ดเดียวหรือ 2 เม็ด ก็ไม่มีผลแตกต่างกันในด้านคุมกำเนิด 
- การลืมกินยาบ่อย ๆ อาจทำให้เลือดออกกะปริดกะปรอยและผลในการคุมกำเนิดไม่แน่นอน

วิธีใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด 
            1. การเริ่มต้นใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ในภาวะปกติให้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรกในวันที่ 5 ของรอบเดือน (ไม่ควรเกินวันที่ 7) ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน จนหมด 21 เม็ด แล้วหยุดรอให้ประจำเดือนมา ประจำเดือนจะเริ่มมาประมาณ 2-4 วันหลังหยุดยา จากนั้นเริ่มยาใหม่ในวันที่ 5 ของรอบเดือนเช่นเดิม ถ้าเป็นชนิด 28 เม็ด ให้รับประทานจนหมดแผงแล้วขึ้นแผงใหม่เลยโดยไม่ต้องหยุดยา 

            2. เวลารับประทานยา เวลาที่เหมาะสมคือ หลังอาหารเย็น เพราะระยะนี้การดูดซึมของยาช้า ทำให้เกิดอาการข้างเคียงน้อย ควรรับประทานยาเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับยาสม่ำเสมอและลดอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย

            3. การปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ และทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าการลืมรับประทานยานานเกิน 8 ชั่วโมง อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ จึงควรใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย 

           
4. การปฏิบัติเมื่อประจำเดือนขาดหายไปในระยะที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่ในเดือนแรก ถ้าไม่ลืมรับประทานยาต่อตามปกติไม่ต้องกังวล แต่ถ้าประจำเดือนขาดหายไป 2 เดือน ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่   ในกรณีที่ลืมรับประทานยา  แม้ว่าประจำเดือนจะขาดไปเพียงครั้งเดียวก็ควรไปตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่ 

สรุปข้อดีและข้อเสียของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด 

ข้อดี 
1. เป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับคุมกำเนิด 
2. เป็นวิธีที่ง่าย
3. ประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอทุก 28 วัน
4. ลดอาการปวดประจำเดือน
5. ไม่ต้องกลัวจะเกิดการตั้งครรภ์ ทำให้ sexual life ดีขึ้น
ข้อเสีย 
1. ต้องกินยาทุกวันและสม่ำเสมอ
2. อาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่ม คัดเต้านม
3. ประจำเดือนอาจจะขาดหายไปในระยะหลังหยุดกินยาคุมกำเนิด 

2. ยาคุมกำเนิดชนิด Minipill 
            ยาคุมกำเนิดชนิดนี้มีแต่โปรเจสโตรเจนอย่างเดียว ได้ผลในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่า combined pill เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่สามารถรับประทานยา combined pill ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เช่นในขณะให้นมบุตร หรือสตรีที่ไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของเอสโตรเจนได้ ยาไม่สามารถป้องกันการตกไข่ได้แน่นอน ทำให้ประสิทธิภาพต่ำกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม

3. ยาคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน 
          ใช้ในสตรีไม่ได้คุมกำเนิด บังเอิญมีการร่วมสัมพันธ์ทางเพศ หรือถูกข่มขืนในระยะที่อาจมีการตกไข่ ปัจจุบันนี้มียาเม็ดคุมกำเนิดที่ใช้รับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์และไม่ควรเกิน 72 ชม.ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิดดังกล่าวจะมีปริมาณของฮอร์โมนในขนาดสูงมากกว่าชนิดรวมประมาณ 5 เท่า โดยรับประทานยา 1 เม็ด ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์และรับประทานเพิ่มอีก 1 เม็ดภายใน 12 ชม. และในเดือนหนึ่งไม่ควรเกิน 4-5 เม็ดเพราะจะทำให้มีผลข้างเคียงสูงมาก สำหรับประสิทธิภาพพบว่าต่ำกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม 
ข้อเสียที่อาจเกิดจากการใช้ ฮอร์โมนในขนาดสูงคือ อาการคลื่นไส้, อาเจียน ที่เป็นมากอาจตึงคัดปวดเต้านมมาก อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นแก้ไขโดยให้ยาแก้อาเจียน 

ยาฉีดคุมกำเนิด 
            เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดชั่วคราวที่นิยมใช้กันมากและมีประสิทธิภาพสูงที่นิยมใช้แพร่หลายในประเทศไทย ซึ่งใช้ฉีดคุมกำเนิดทุก 12 สัปดาห์ เป็นวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับวัยรุ่นวิธีหนึ่ง เนื่องจากคุมกำเนิดได้นานไม่มีภาระการรับประทานยาทุกวัน มีความเป็นส่วนตัวสะดวกในการใช้เพียงมารับการฉีดยาคุมกำเนิดตามกำหนดนัด

ข้อดี ของยาฉีดคุมกำเนิด เช่น ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงใช้ง่ายสะดวก เนื่องจากไม่ต้องกลัวลืมเหมือนการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ฉีดครั้งหนึ่งสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 เดือน ไม่ขัดขวางขั้นตอนต่าง ๆ ของการร่วมเพศ ไม่มีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้, อาเจียน หน้าเป็นฝ้า การอุดตันของหลอดเลือด และไม่ทำให้ปริมาณน้ำนมลดลง และการไม่มีรอบเดือนหลังฉีดยา
ข้อเสีย อาจมีปวดศีรษะ น้ำหนักขึ้น หลังเลิกฉีดยาคุมกำเนิด การตกไข่ที่จะเกิดเอาใหม่อาจกินเวลานานตั้งแต่ 3-12 เดือนหรือกว่านั้นซึ่งเป็นข้อเสียในเมื่อ ไม่สามารถจะมีครรภ์ใหม่ได้เร็วถ้าต้องการ
แผ่นยาคุมกำเนิดชนิดติดผิวหนัง 
            เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมรูปแบบใหม่ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมเองเริ่มใช้ติดผิวหนังภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน โดยใช้ติดไว้แผ่นละ 1 สัปดาห์รวม 3 แผ่นโดยเปลี่ยนไม่ซ้ำตำแหน่งที่ติดผิวหนังเดิมแล้วเว้น 1 สัปดาห์ให้เป็นรอบเดือน สามารถใช้ติดต้นแขน หลัง ตะโพก ท้องน้อย ยกเว้นเต้านม ข้อจำกัดคือ เป็นวิธีคุมกำเนิดรูปแบบใหม่ยังมีราคาสูง ต้องรับผิดชอบใช้และบริหารยาให้ถูกต้อง 

แหวนคุมกำเนิดใส่ช่องคลอด
 
           เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมรูปแบบใหม่ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้ใส่เองอีกชนิดหนึ่ง วิธีใช้แหวนคุมกำเนิดใส่ช่องคลอด ต้องใช้ภายใน 5 วันแรกของรอบระดูใส่ต่อเนื่อง 21 วัน (3 สัปดาห์) เว้น 7 วัน เพื่อให้มีประจำเดือน ในขณะร่วมเพศสามารถค่าไว้ในช่องคลอดหรือเอาออกจากช่องคลอดก็ได้ แต่ห้ามนำออกจากช่องคลอดเกิน 3 ชั่วโมงใน 1 วัน 

ห่วงอนามัย 
            เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่เหมาะสมในรายที่ไม่ควรใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด โดยเลือกใช้ในวัยรุ่นที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว 3-5 ปี วัยรุ่นดังกล่าวและคู่นอนไม่มีคู่นอนหลายคนข้อดีคือ ไม่มีผลจากฮอร์โมน หากใช้ชนิดผนวกทองแดงด้วย และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง 

ยาฝังคุมกำเนิด 
            เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง และออกฤทธิ์นาน 3-5 ปี ขึ้นกับชนิดที่ใช้โดยชนิด 1 หลอด คุมกำเนิดได้นาน 3 ปี  และชนิด 2 หลอด คุมกำเนิดได้นาน 5 ปี สำหรับชนิด 6 หลอด สามารถคุมกำเนิดได้นาน 5 ปี ผลข้างเคียงเช่น เลือดออกกะปริดกระปรอยหรือไม่มีประจำเดือน

ถุงยางอนามัย 
            เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่นิยมใช้กันแพร่หลายโดยอาจจะเป็น ถุงยางอนามัยผู้ชาย ถุงยางอนามัยหญิง ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดในกลุ่มวัสดุขวางกั้นไม่ให้มีการสัมผัสโดยตรงของอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งเพศชายและเพศหญิง  จึงป้องกันการหลั่งน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดในกลุ่ม barrier วัสดุที่ใช้ทำเป็น latex หรือ polyurethane ถุงยางอนามัยบุรุษมีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติหากใส่ถูกวิธี และไม่มีการฉีกขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ถุงยางอนามัยยังเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เช่น โรคเอดส์ โรคตับอักเสบชนิดบีหรือซี โรคหนองใน เป็นต้น 

หมวกกั้นปากมดลูก และ หมวกครอบปากมดลูก 
           เป็นวัสดุคุมกำเนิดในกลุ่ม barrier ควรใช้ร่วมกับยาฆ่าเชื้ออสุจิเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเพิ่มขึ้น หมวกกั้นปากมดลูกที่ใช้บ่อยจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 65 ถึง 80 มิลลิเมตร ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด พบอัตราการตั้งครรภ์ 12.3 รายใน 100 รายของผู้ที่ใช้วิธีดังกล่าว ในระยะเวลา 1 ปี ในกลุ่มผู้ใช้อายุมากจะมีประสิทธิภาพดีกว่ากลุ่มอายุน้อย วิธีคุมกำเนิดชนิดนี้ผู้ใช้เป็นผู้ใส่และเอาออกเองหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีข้อเสียจากฮอร์โมน 

การนับระยะปลอดภัย
 

            กลุ่มที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอส่วนใหญ่ 26-32 วันให้งดการร่วมเพศในวันที่ 8-19 ของรอบเดือนซึ่งเป็นช่วงที่อาจจะมีการตกไข่ อีกวิธีจะสังเกตมูกที่ปากมดลูก คือหากสังเกตพบมูกที่ปากมดลูกติดต่อกัน 2 วันให้ถือว่าอยู่ในภาวะเจริญพันธุ์ต้องหลีกเลี่ยงการร่วมเพศโดยไม่ป้องกันการตั้งครรภ์ ในกรณีไม่พบมูกที่ปากมดลูกติดต่อกัน 2 วันก็ควรเป็นระยะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์หากมีการร่วมเพศ อย่างไรก็ตามวิธีนับระยะปลอดภัยมีประสิทธิภาพไม่ดีนักจึงไม่เหมาะกับวัยรุ่นที่มีภาวะเจริญพันธุ์สูง 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น