การคุมกำเนิดที่เหมาะสมในวัยรุ่น
วิธีคุมกำเนิดในปัจจุบันแต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อจำกัดแตกต่างกันไป
ยังไม่มีวิธีหนึ่งวิธีใดที่สามารถใช้ได้กับทุกสภาวะ
จึงต้องพิจารณาเปรียบเทียบประโยชน์กับความเสี่ยงของวิธีดังกล่าว
วิธีในอุดมคติสำหรับการคุมกำเนิดในวัยรุ่นควรมีคุณสมบัติคือปลอดภัย ราคาไม่แพง
สามารถมีบุตรได้เมื่อเลิกใช้ และปราศจากผลข้างเคียง ในบทความนี้จะกล่าวถึงความหมาย
ชนิดของการคุมกำเนิด วิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว ข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี
ความหมายของการคุมกำเนิด คือ
การป้องกันการปฏิสนธิ เพื่อกำหนดจำนวน และระยะการมีบุตรให้เหมาะสมกับฐานะครอบครัวและเศรษฐกิจ
วิธีการคุมกำเนิด อาจแบ่งออกเป็นวิธีใหญ่
ๆ ได้ดังนี้
1.การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว
เป็นการคุมกำเนิดเพื่อเว้นระยะเวลาการมีบุตร
เมื่อเลิกใช้แล้วสามารถมีบุตรได้อีกเช่น ถุงยางอนามัย ห่วงอนามัย
ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด และยาฮอร์โมนฝังคุมกำเนิด เป็นต้น
2.การคุมกำเนิดแบบถาวร
เป็นการคุมกำเนิดอย่างถาวร เช่น การทำหมันหญิง หรือ การทำหมันชาย ยาคุมกำเนิดที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
3.ประสิทธิภาพดี
คุมกำเนิดได้แน่นอน
4.สะดวกในการใช้
5.มีราคาเหมาะสม
6.ไม่มีอาการข้างเคียง
แม้จะใช้นานหลาย ๆ ปี
7.ไม่มีฤทธิ์ตกค้างเมื่อหยุดใช้ยา
8.มีรอบระดูที่แน่นอน
ยาเม็ดคุมกำเนิด
1. ยาคุมกำเนิดรวม ยาแต่ละเม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนเพศหญิงชนิดสังเคราะห์ 2 ชนิด ทั้งหมดใน 1 ชุดจะมี 21 เม็ด สำหรับชุดที่มี 28 เม็ดนั้น 7 เม็ดหลังจะเป็นวิตามินหรือธาตุเหล็ก การรับประทานจะเริ่มรับประทานในวันที่ 1-5 ของรอบเดือน (หลังจากมีประจำเดือน) ไปจนถึงวันที่ 24 หรือ 25 ของรอบเดือน
ข้อแนะนำสตรีที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด
- เวลากินยาที่เหมาะสมคือ หลังอาหารเย็น ซึ่งการดูดซึมจะเข้า หากมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น คลื่นไส้ ก็ควรเกิดระหว่างผู้ป่วยหลับแล้ว และหากลืมกินยาจะมีเวลาพอนึกได้ก่อนเวลานอน
- กินยาควรกินเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับ Hormone สม่ำเสมอ ลดโอกาสที่จะเกิดเลือดออกกระปิดกระปรอยทางช่องคลอด
- เมื่อลืมกินยาให้รีบกินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ แต่ถ้าหากนึกได้เมื่อจะถึงเวลากินยาเม็ดต่อไปแล้ว จะกินยาเพียงเม็ดเดียวหรือ 2 เม็ด ก็ไม่มีผลแตกต่างกันในด้านคุมกำเนิด
- การลืมกินยาบ่อย ๆ อาจทำให้เลือดออกกะปริดกะปรอยและผลในการคุมกำเนิดไม่แน่นอน
วิธีใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
1. การเริ่มต้นใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ในภาวะปกติให้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรกในวันที่ 5 ของรอบเดือน (ไม่ควรเกินวันที่ 7) ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน จนหมด 21 เม็ด แล้วหยุดรอให้ประจำเดือนมา ประจำเดือนจะเริ่มมาประมาณ 2-4 วันหลังหยุดยา จากนั้นเริ่มยาใหม่ในวันที่ 5 ของรอบเดือนเช่นเดิม ถ้าเป็นชนิด 28 เม็ด ให้รับประทานจนหมดแผงแล้วขึ้นแผงใหม่เลยโดยไม่ต้องหยุดยา
2. เวลารับประทานยา เวลาที่เหมาะสมคือ หลังอาหารเย็น เพราะระยะนี้การดูดซึมของยาช้า ทำให้เกิดอาการข้างเคียงน้อย ควรรับประทานยาเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับยาสม่ำเสมอและลดอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย
3. การปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ และทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าการลืมรับประทานยานานเกิน 8 ชั่วโมง อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ จึงควรใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย
4. การปฏิบัติเมื่อประจำเดือนขาดหายไปในระยะที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่ในเดือนแรก ถ้าไม่ลืมรับประทานยาต่อตามปกติไม่ต้องกังวล แต่ถ้าประจำเดือนขาดหายไป 2 เดือน ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ในกรณีที่ลืมรับประทานยา แม้ว่าประจำเดือนจะขาดไปเพียงครั้งเดียวก็ควรไปตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่
สรุปข้อดีและข้อเสียของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
ข้อดี
1. เป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับคุมกำเนิด
2. เป็นวิธีที่ง่าย
3. ประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอทุก 28 วัน
4. ลดอาการปวดประจำเดือน
5. ไม่ต้องกลัวจะเกิดการตั้งครรภ์ ทำให้ sexual life ดีขึ้น
ข้อเสีย 1. การเริ่มต้นใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ในภาวะปกติให้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรกในวันที่ 5 ของรอบเดือน (ไม่ควรเกินวันที่ 7) ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน จนหมด 21 เม็ด แล้วหยุดรอให้ประจำเดือนมา ประจำเดือนจะเริ่มมาประมาณ 2-4 วันหลังหยุดยา จากนั้นเริ่มยาใหม่ในวันที่ 5 ของรอบเดือนเช่นเดิม ถ้าเป็นชนิด 28 เม็ด ให้รับประทานจนหมดแผงแล้วขึ้นแผงใหม่เลยโดยไม่ต้องหยุดยา
2. เวลารับประทานยา เวลาที่เหมาะสมคือ หลังอาหารเย็น เพราะระยะนี้การดูดซึมของยาช้า ทำให้เกิดอาการข้างเคียงน้อย ควรรับประทานยาเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับยาสม่ำเสมอและลดอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย
3. การปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ และทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าการลืมรับประทานยานานเกิน 8 ชั่วโมง อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ จึงควรใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย
4. การปฏิบัติเมื่อประจำเดือนขาดหายไปในระยะที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่ในเดือนแรก ถ้าไม่ลืมรับประทานยาต่อตามปกติไม่ต้องกังวล แต่ถ้าประจำเดือนขาดหายไป 2 เดือน ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ในกรณีที่ลืมรับประทานยา แม้ว่าประจำเดือนจะขาดไปเพียงครั้งเดียวก็ควรไปตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่
สรุปข้อดีและข้อเสียของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
ข้อดี
1. เป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับคุมกำเนิด
2. เป็นวิธีที่ง่าย
3. ประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอทุก 28 วัน
4. ลดอาการปวดประจำเดือน
5. ไม่ต้องกลัวจะเกิดการตั้งครรภ์ ทำให้ sexual life ดีขึ้น
1. ต้องกินยาทุกวันและสม่ำเสมอ
2. อาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่ม คัดเต้านม
3. ประจำเดือนอาจจะขาดหายไปในระยะหลังหยุดกินยาคุมกำเนิด
2. ยาคุมกำเนิดชนิด Minipill
ยาคุมกำเนิดชนิดนี้มีแต่โปรเจสโตรเจนอย่างเดียว ได้ผลในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่า combined pill เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่สามารถรับประทานยา combined pill ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เช่นในขณะให้นมบุตร หรือสตรีที่ไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของเอสโตรเจนได้ ยาไม่สามารถป้องกันการตกไข่ได้แน่นอน ทำให้ประสิทธิภาพต่ำกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม
3. ยาคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน
ใช้ในสตรีไม่ได้คุมกำเนิด บังเอิญมีการร่วมสัมพันธ์ทางเพศ หรือถูกข่มขืนในระยะที่อาจมีการตกไข่ ปัจจุบันนี้มียาเม็ดคุมกำเนิดที่ใช้รับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์และไม่ควรเกิน 72 ชม.ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิดดังกล่าวจะมีปริมาณของฮอร์โมนในขนาดสูงมากกว่าชนิดรวมประมาณ 5 เท่า โดยรับประทานยา 1 เม็ด ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์และรับประทานเพิ่มอีก 1 เม็ดภายใน 12 ชม. และในเดือนหนึ่งไม่ควรเกิน 4-5 เม็ดเพราะจะทำให้มีผลข้างเคียงสูงมาก สำหรับประสิทธิภาพพบว่าต่ำกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม
ข้อเสียที่อาจเกิดจากการใช้ ฮอร์โมนในขนาดสูงคือ อาการคลื่นไส้, อาเจียน ที่เป็นมากอาจตึงคัดปวดเต้านมมาก อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นแก้ไขโดยให้ยาแก้อาเจียน
ยาฉีดคุมกำเนิด
เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดชั่วคราวที่นิยมใช้กันมากและมีประสิทธิภาพสูงที่นิยมใช้แพร่หลายในประเทศไทย ซึ่งใช้ฉีดคุมกำเนิดทุก 12 สัปดาห์ เป็นวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับวัยรุ่นวิธีหนึ่ง เนื่องจากคุมกำเนิดได้นานไม่มีภาระการรับประทานยาทุกวัน มีความเป็นส่วนตัวสะดวกในการใช้เพียงมารับการฉีดยาคุมกำเนิดตามกำหนดนัด
ข้อดี ของยาฉีดคุมกำเนิด
เช่น ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงใช้ง่ายสะดวก
เนื่องจากไม่ต้องกลัวลืมเหมือนการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
ฉีดครั้งหนึ่งสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 เดือน ไม่ขัดขวางขั้นตอนต่าง ๆ ของการร่วมเพศ ไม่มีอาการข้างเคียง เช่น
คลื่นไส้, อาเจียน หน้าเป็นฝ้า การอุดตันของหลอดเลือด
และไม่ทำให้ปริมาณน้ำนมลดลง และการไม่มีรอบเดือนหลังฉีดยา
ข้อเสีย อาจมีปวดศีรษะ
น้ำหนักขึ้น หลังเลิกฉีดยาคุมกำเนิด การตกไข่ที่จะเกิดเอาใหม่อาจกินเวลานานตั้งแต่
3-12 เดือนหรือกว่านั้นซึ่งเป็นข้อเสียในเมื่อ
ไม่สามารถจะมีครรภ์ใหม่ได้เร็วถ้าต้องการแผ่นยาคุมกำเนิดชนิดติดผิวหนัง
เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมรูปแบบใหม่ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมเองเริ่มใช้ติดผิวหนังภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน โดยใช้ติดไว้แผ่นละ 1 สัปดาห์รวม 3 แผ่นโดยเปลี่ยนไม่ซ้ำตำแหน่งที่ติดผิวหนังเดิมแล้วเว้น 1 สัปดาห์ให้เป็นรอบเดือน สามารถใช้ติดต้นแขน หลัง ตะโพก ท้องน้อย ยกเว้นเต้านม ข้อจำกัดคือ เป็นวิธีคุมกำเนิดรูปแบบใหม่ยังมีราคาสูง ต้องรับผิดชอบใช้และบริหารยาให้ถูกต้อง
แหวนคุมกำเนิดใส่ช่องคลอด
เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมรูปแบบใหม่ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้ใส่เองอีกชนิดหนึ่ง วิธีใช้แหวนคุมกำเนิดใส่ช่องคลอด ต้องใช้ภายใน 5 วันแรกของรอบระดูใส่ต่อเนื่อง 21 วัน (3 สัปดาห์) เว้น 7 วัน เพื่อให้มีประจำเดือน ในขณะร่วมเพศสามารถค่าไว้ในช่องคลอดหรือเอาออกจากช่องคลอดก็ได้ แต่ห้ามนำออกจากช่องคลอดเกิน 3 ชั่วโมงใน 1 วัน
ห่วงอนามัย
เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่เหมาะสมในรายที่ไม่ควรใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด โดยเลือกใช้ในวัยรุ่นที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว 3-5 ปี วัยรุ่นดังกล่าวและคู่นอนไม่มีคู่นอนหลายคนข้อดีคือ ไม่มีผลจากฮอร์โมน หากใช้ชนิดผนวกทองแดงด้วย และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง
ยาฝังคุมกำเนิด
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง และออกฤทธิ์นาน 3-5 ปี ขึ้นกับชนิดที่ใช้โดยชนิด 1 หลอด คุมกำเนิดได้นาน 3 ปี และชนิด 2 หลอด คุมกำเนิดได้นาน 5 ปี สำหรับชนิด 6 หลอด สามารถคุมกำเนิดได้นาน 5 ปี ผลข้างเคียงเช่น เลือดออกกะปริดกระปรอยหรือไม่มีประจำเดือน
ถุงยางอนามัย
เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่นิยมใช้กันแพร่หลายโดยอาจจะเป็น ถุงยางอนามัยผู้ชาย ถุงยางอนามัยหญิง ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดในกลุ่มวัสดุขวางกั้นไม่ให้มีการสัมผัสโดยตรงของอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งเพศชายและเพศหญิง จึงป้องกันการหลั่งน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดในกลุ่ม barrier วัสดุที่ใช้ทำเป็น latex หรือ polyurethane ถุงยางอนามัยบุรุษมีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติหากใส่ถูกวิธี และไม่มีการฉีกขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ถุงยางอนามัยยังเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เช่น โรคเอดส์ โรคตับอักเสบชนิดบีหรือซี โรคหนองใน เป็นต้น
หมวกกั้นปากมดลูก และ หมวกครอบปากมดลูก
เป็นวัสดุคุมกำเนิดในกลุ่ม barrier ควรใช้ร่วมกับยาฆ่าเชื้ออสุจิเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเพิ่มขึ้น หมวกกั้นปากมดลูกที่ใช้บ่อยจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 65 ถึง 80 มิลลิเมตร ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด พบอัตราการตั้งครรภ์ 12.3 รายใน 100 รายของผู้ที่ใช้วิธีดังกล่าว ในระยะเวลา 1 ปี ในกลุ่มผู้ใช้อายุมากจะมีประสิทธิภาพดีกว่ากลุ่มอายุน้อย วิธีคุมกำเนิดชนิดนี้ผู้ใช้เป็นผู้ใส่และเอาออกเองหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีข้อเสียจากฮอร์โมน
การนับระยะปลอดภัย
กลุ่มที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอส่วนใหญ่ 26-32 วันให้งดการร่วมเพศในวันที่ 8-19 ของรอบเดือนซึ่งเป็นช่วงที่อาจจะมีการตกไข่ อีกวิธีจะสังเกตมูกที่ปากมดลูก คือหากสังเกตพบมูกที่ปากมดลูกติดต่อกัน 2 วันให้ถือว่าอยู่ในภาวะเจริญพันธุ์ต้องหลีกเลี่ยงการร่วมเพศโดยไม่ป้องกันการตั้งครรภ์ ในกรณีไม่พบมูกที่ปากมดลูกติดต่อกัน 2 วันก็ควรเป็นระยะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์หากมีการร่วมเพศ อย่างไรก็ตามวิธีนับระยะปลอดภัยมีประสิทธิภาพไม่ดีนักจึงไม่เหมาะกับวัยรุ่นที่มีภาวะเจริญพันธุ์สูง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น